ขอเจริญ สาธุชนผู้ใจบุญทุกท่าน
วัดหน้าเขื่อน บ้านโกรกน้ำขาว ม.๒
ต.โคกเพชรพัฒนา อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ
โทร ๐๘๓-๗๓๔๘๒๒๔
ที่เขียนข้อความในกระทู้ อนุโมทนาบุญ - อุทิศบุญส่วนกุศล ในห้องนี้นั้น ก็เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ตัวอาตมาภาพเอง ว่าวันๆๆ
หนึ่งนั้น เราได้ทำอะไรสิ่งใดเพื่อพระพุทธศาสนาบ้าง เพื่อประโยชน์โดยส่วนรวมบ้าง
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของคนในหมู่มากก็ตาม
เส้นทางที่อาตมาภาพได้ยึดถือและปฏิบัติอยู่เป็นนิจก็คือ ตื่นเช้าขึ้นเราเที่ยวออกบิณฑบาตรเพื่อเลี้ยงชีพ และโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย ข้าวปลาอาหารที่ได้มานั้นเป็นของชาวพุทธ ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ในองค์พระศาสดา
วันหนึ่งๆๆ เราได้ทำอะไรเพื่อเป็นสิ่งที่ตอบแทนชาวบ้านนั้นบ้างหรือไม่ (ผู้มีพระคุณให้ข้าวปลาอาหารแก่เรา) ไม่มากหรือน้อยก็ยังดีที่ได้มีส่วนทำงาน สร้างวัดร้างแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ในอดีตนั้นเมื่อสาม - สี่ปี ที่ผ่านมานี้ สำนักสงฆ์แห่งนี้ ต้องกลายเป็นสำนักร้างอยู่นาน
ที่ต้องร้างจะต้องมีเหตุ และผลของของมันประกอบอยู่ด้วยเสมอ
สาเหตุและที่มาของสำนักสงฆ์แห่งนี้ที่ต้องร้าง
จะเกิดขึ้นมาจากตัวของพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาที่เอง ไม่ไช่ชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะดีมากๆๆ ทำบุญใส่บาตรกันเป็นประจำ แต่ตัวของพระสงฆ์เองนั่นแหละที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย ไม่อยู่ในศีลในธรรม จึงเป็นเหตุที่มาของการเสื่อมศรัทธา ขณะนั้นมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาอยู่เพียง ๑ รูป ท่านเป็นพระที่อายุอานามก็มากพอสมควร ท่านเป็นพระที่ดื่มสุราเป็นนิจ แทบจะทุกวัน แล้วท่านก็ไม่ออกบิณฑบาตร ไม่ทำการอันใดที่เป็นกิจของสงฆ์เลย แรกๆๆชาวบ้านก็ไม่ว่าอะไรท่าน (คอยดูไปก่อน เหตุเพราะอาบัติ ปราจิตตรี ปลงอาบัติย่อมสำเร็จ) แต่นานเข้าบ่อยเข้า โลกย่อมติฉินนินทาว่าไม่เหมาะสมแก่สมณะรูป ชาวบ้านจึงพากันไปนิมนต์เพื่อให้ท่านไปจำพรรษาที่อื่น ถ้ายังไม่สามารถงดดื่มเหล้าได้ ปัจจุบันทราบท่านลาสิกขาบทแล้ว ตราบจนบัดนั้นมา สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ไม่มีพระภิกษุรูปใดมาอยู่จำพรรษาอีกเลย จนปัจจุบัน
ประกอบกับในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านเล็กๆๆ ประชากรมีไม่มาก ประมาณ เกือบจะ ๓๐ หลังคาเรือน เห็นจะได้ กิจนิมนต์ย่อมไม่มีเลยถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล จึงไม่มีพระรูปใดอยากจะมาอยู่
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมานี้ (วันที่เดินทางมาอยู่)
เดิมทีอาตมาภาพจำพรรษาอยู่ที่ วัดใหม่สามัคคี (บ้านลำคันฉูเก่า) ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากที่ราวๆๆ ๑๐ กิโลเมตร ทราบดีอยู่แล้วว่าที่นี่นั้น ร้างมานานไม่มีพระภิกษุสงฆ์รูปใดมาจำพรรษาที่นี่ ที่ไม่มาแต่แรกนั้น เพราะช่วงนั้นจำพรรษาอยู่กับครูบาอาจารย์ จึงช่วยท่านสร้างวัดเช่นกัน
ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้นั้น รู้จักมักคุ้นกับอาตมาภาพอยู่บ้าง เนื่องจากเคยไปนิมนต์มางานบุญอยู่บ่อยๆๆ จึงได้รวมตัวกันนิมนต์อาตมาภาพมาอยู่จำพรรษาที่นี่ ซึ่งทางครูบาอาจารย์ของอาตมาภาพท่านก็เห็นดีด้วย ไม่อยากให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ต้องร้างอีกต่อไป จึงอนุญาติ
อาตมาภาพก็เห็นดีเมื่อชาวบ้านอยากให้มาอยู่และพัฒนาที่นี่ใหม่ ชาวบ้านก็ไปช่วยขนสัมภาระ มากันยกใหญ่เลยทีเดียว (ก็ไม่มีอะำไรมาก) นี่แหละคือสาเหตุทั้งหมดที่มาอยู่และพัฒนาที่นี่
เส้นทางที่อาตมาภาพได้ยึดถือและปฏิบัติอยู่เป็นนิจก็คือ ตื่นเช้าขึ้นเราเที่ยวออกบิณฑบาตรเพื่อเลี้ยงชีพ และโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย ข้าวปลาอาหารที่ได้มานั้นเป็นของชาวพุทธ ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ในองค์พระศาสดา
วันหนึ่งๆๆ เราได้ทำอะไรเพื่อเป็นสิ่งที่ตอบแทนชาวบ้านนั้นบ้างหรือไม่ (ผู้มีพระคุณให้ข้าวปลาอาหารแก่เรา) ไม่มากหรือน้อยก็ยังดีที่ได้มีส่วนทำงาน สร้างวัดร้างแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ในอดีตนั้นเมื่อสาม - สี่ปี ที่ผ่านมานี้ สำนักสงฆ์แห่งนี้ ต้องกลายเป็นสำนักร้างอยู่นาน
ที่ต้องร้างจะต้องมีเหตุ และผลของของมันประกอบอยู่ด้วยเสมอ
สาเหตุและที่มาของสำนักสงฆ์แห่งนี้ที่ต้องร้าง
จะเกิดขึ้นมาจากตัวของพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาที่เอง ไม่ไช่ชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะดีมากๆๆ ทำบุญใส่บาตรกันเป็นประจำ แต่ตัวของพระสงฆ์เองนั่นแหละที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย ไม่อยู่ในศีลในธรรม จึงเป็นเหตุที่มาของการเสื่อมศรัทธา ขณะนั้นมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาอยู่เพียง ๑ รูป ท่านเป็นพระที่อายุอานามก็มากพอสมควร ท่านเป็นพระที่ดื่มสุราเป็นนิจ แทบจะทุกวัน แล้วท่านก็ไม่ออกบิณฑบาตร ไม่ทำการอันใดที่เป็นกิจของสงฆ์เลย แรกๆๆชาวบ้านก็ไม่ว่าอะไรท่าน (คอยดูไปก่อน เหตุเพราะอาบัติ ปราจิตตรี ปลงอาบัติย่อมสำเร็จ) แต่นานเข้าบ่อยเข้า โลกย่อมติฉินนินทาว่าไม่เหมาะสมแก่สมณะรูป ชาวบ้านจึงพากันไปนิมนต์เพื่อให้ท่านไปจำพรรษาที่อื่น ถ้ายังไม่สามารถงดดื่มเหล้าได้ ปัจจุบันทราบท่านลาสิกขาบทแล้ว ตราบจนบัดนั้นมา สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ไม่มีพระภิกษุรูปใดมาอยู่จำพรรษาอีกเลย จนปัจจุบัน
ประกอบกับในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านเล็กๆๆ ประชากรมีไม่มาก ประมาณ เกือบจะ ๓๐ หลังคาเรือน เห็นจะได้ กิจนิมนต์ย่อมไม่มีเลยถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล จึงไม่มีพระรูปใดอยากจะมาอยู่
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมานี้ (วันที่เดินทางมาอยู่)
เดิมทีอาตมาภาพจำพรรษาอยู่ที่ วัดใหม่สามัคคี (บ้านลำคันฉูเก่า) ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากที่ราวๆๆ ๑๐ กิโลเมตร ทราบดีอยู่แล้วว่าที่นี่นั้น ร้างมานานไม่มีพระภิกษุสงฆ์รูปใดมาจำพรรษาที่นี่ ที่ไม่มาแต่แรกนั้น เพราะช่วงนั้นจำพรรษาอยู่กับครูบาอาจารย์ จึงช่วยท่านสร้างวัดเช่นกัน
ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้นั้น รู้จักมักคุ้นกับอาตมาภาพอยู่บ้าง เนื่องจากเคยไปนิมนต์มางานบุญอยู่บ่อยๆๆ จึงได้รวมตัวกันนิมนต์อาตมาภาพมาอยู่จำพรรษาที่นี่ ซึ่งทางครูบาอาจารย์ของอาตมาภาพท่านก็เห็นดีด้วย ไม่อยากให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ต้องร้างอีกต่อไป จึงอนุญาติ
อาตมาภาพก็เห็นดีเมื่อชาวบ้านอยากให้มาอยู่และพัฒนาที่นี่ใหม่ ชาวบ้านก็ไปช่วยขนสัมภาระ มากันยกใหญ่เลยทีเดียว (ก็ไม่มีอะำไรมาก) นี่แหละคือสาเหตุทั้งหมดที่มาอยู่และพัฒนาที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น